สหรัฐฯ เอาด้วย! เตรียมส่งรถถัง M1 Abrams ให้ยูเครน 30 คัน - PPTVHD36

ฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ เตรียมจัดส่งรถถังเอ็มวัน เอบรามส์ (M1 Abrams) ให้ยูเครนสูงสุด 30 คัน พร้อมเจ้าหน้าที่ฝึกสอน 2 นาย เวลาส่งมอบยังไม่ชัดเจน คาดว่าจะส่งมอบเร็วสุดภายในสัปดาห์นี้ และจะส่งยานเกราะเสริมกำลังบำรุงตามมาอีกเล็กน้อย เพื่อช่วยซ่อมแซมรถถังในสนามรบและบำรุงรักษายุทโธปกรณ์ต่าง ๆ โดยเจ้าหน้าที่ทางการสหรัฐฯ กล่าวว่า ปกติแล้วการใช้รถถังชนิดนี้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต้องใช้เวลาฝึกซ้อมอย่างต่ำหลายเดือน

ก่อนหน้านี้ทางรัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ปฏิเสธว่าจะส่งเอ็มวัน เอบรามส์ให้ยูเครน แต่ก็ออกมาประกาศต่อสาธารณชนว่า ขณะนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมในการส่งรถถังเอ็มวัน เอบรามส์สู่สมรภูมิในยูเครน เนื่องจากตัวรถหนักถึง 70 ตัน ค่าใช้จ่ายในการจัดส่ง ซ่อมแซม และบำรุงรักษาค่อนข้างแพง และต้องใช้เวลาซ้อมรบให้คุ้นชินกับรถถังชนิดนี้ค่อนข้างนาน ซึ่งสวนทางกับนักวิจารณ์ที่มองว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมแล้ว

จอห์น เคอร์บี เลขาธิการกระทรวงกลาโหมและผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวเมื่อเย็นวันอังคาร (24 ม.ค.) ว่า “การตัดสินใจส่งรถถังเอบรามส์ ต้องใช้ ‘กระบวนการ Iterative Process’ ในการประเมินความสามารถและความต้องการของยูเครน เพื่อให้สหรัฐฯ ส่งมอบสิ่งที่ดีและเหมาะสมที่สุดแก่ยูเครน เราจะพิจารณาทางเทคนิคเกี่ยวกับการปฏิบัติการและการบำรุงรักษารถถัง เราเคยพูดไว้แล้วว่าเอบรามส์ เป็นรถถังที่มีประสิทธิภาพสูงอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ระบบต่าง ๆ และการบำรุงรักษาก็มีราคาสูงเช่นกัน”

เขากล่าวต่อว่า “เอบรามส์ใช้เครื่องยนต์เจ็ต แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทหารยูเครนจะไม่สามารถเรียนรู้วิธีการทำงานหรือวิธีใช้งานมันนะ คือเราต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ด้วยว่ามีระบบการทำงานใดบ้างในเอบรามส์ เพื่อให้พวกเขารู้ว่าจะได้อะไรจากเราบ้าง และจะใช้งานมันยังไง ซึ่งความซับซ้อนของระบบการทำงานต่าง ๆ ในเอบรามส์ เป็นหนึ่งในปัจจัยของการตัดสินใจส่งมอบให้ยูเครน และนอกจากระบบต่าง ๆ ที่กล่าวมา คุณยังต้องคำนึงถึงการขนส่ง และการบำรุงรักษาอีกนะ”

จากกรณีที่ทางการเยอรมนีเคยประกาศว่าจะส่งรถถังเลพเพิร์ด ทู (Leopard 2) ให้ยูเครน หากสหรัฐฯ ส่งรถถังเอ็มวัน เอบรามส์ให้ยูเครนก่อน ซึ่งขณะนั้นสหรัฐฯ มองว่าเอ็มวัน เอบรามส์ ดูแลรักษายาก จึงยังไม่จัดส่งให้ยูเครน แต่จากแรงกดดันของกลุ่มประเทศยุโรป ทำให้เยอรมนีเตรียมส่งมอบรถถังเลพเพิร์ด ทู รวมไปถึงอนุญาตให้ชาติยุโรปอื่น ๆ ที่มีรถถังดังกล่าวไว้ในครอบครองสามารถส่งมอบให้ยูเครนเพื่อนำมารบกับรัสเซีย

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (20 ม.ค.) ในงานประชุมผู้นำฝ่ายกลาโหมตะวันตกที่เยอรมนี สหรัฐฯ และกลุ่มประเทศยุโรป ไม่สามารถโน้มน้าวเยอรมนีให้ส่งรถถังเลพเพิร์ด ทู รวมไปถึงยุทโธปกรณ์อื่น ๆ ให้ยูเครน โดยบอริส พิสโตริอุส รัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนี กล่าวว่า “เรากำลังเตรียมการตัดสินใจซึ่งพวกคุณจะได้รับคำตอบในเร็ว ๆ นี้” จนกระทั่งในวันอังคาร สำนักข่าว Der Spiegel ของเยอรมนีก็รายงานว่า ทางการเยอรมนีเตรียมส่งรถถังเลพเพิร์ด ทู ให้ยูเครน

ด้านประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ได้ร้องขอชาติพันธมิตรตะวันตกอย่างต่อเนื่องในการส่งมอบรถถังให้ยูเครน เพื่อเตรียมต่อต้านการโจมตีของรัสเซียในฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะมาถึง โดยในขณะนี้กองทัพยูเครนเริ่มฝึกการใช้ยุทโธปกรณ์ที่ได้รับจากชาติพันธมิตรให้ชำนาญ เช่น ขีปนาวุธแพทริออต (MIM-104 Patriot) รถถังชาเลนเจอร์ ทู (Challenger 2) ปืนใหญ่อัตตาจรรุ่น M109 และอื่น ๆ

ซึ่งจากการที่อังกฤษส่งมอบรถถังชาเลนเจอร์ ทู จำนวน 12 คัน และเยอรมนีส่งมอบรถถังเลพเพิร์ด ทู ให้ยูเครน บวกกับการส่งงบประมาณสนับสนุนกองทัพยูเครนถึง 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 82,000 ล้านบาท) และการซ่อมบำรุงรถถังเอบรามส์ ที่ใช้งานในประเทศอื่น ทำให้สหรัฐฯ ตัดสินใจส่งมอบรถถังเอ็มวัน เอบรามส์ ให้ยูเครนโดยอ้างว่า ทั้งสองสถานการณ์ทำให้สหรัฐฯ มีเวลาและพื้นที่มากขึ้นในการฝึกฝนทหารยูเครน ทั้งยังสามารถจัดหารถถังที่มีความซับซ้อนในการใช้งานให้กับยูเครน ซึ่งกองกำลังยูเครนก็กำลังฝึกฝนการใช้งานรถถังชนิดใหม่ที่มีระบบซับซ้อนสูงอยู่แล้ว

จากการตัดสินใจส่งมอบดังกล่าว เจ้าหน้าที่เพนตากอนและทำเนียบขาวต่างปฏิเสธว่า ความเสี่ยงที่รัสเซียจะมีปัญหาบานปลายกับสหรัฐฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชะลอการตัดสินใจส่งรถถังให้ยูเครน พร้อมแสดงความกังวลว่ากองทัพยูเครนจะใช้งานและบำรุงรักษารถถังเอบรามส์ได้ยาก และจะมีประสิทธิภาพจริงในสนามรบหรือไม่

โดยเอ็มวัน เอบรามส์ เป็นรถถังหลักของสหรัฐอเมริกา ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เจ็ต 1,500 แรงม้า ทำความเร็วสูงสุด 72 กิโลเมตร/ชั่วโมง ติดตั้งปืนใหญ่ลำกล้องเกลี้ยงรุ่น M68A1 L/52 ขนาด 105 มม. มาพร้อมกับปืนกลรุ่น M2HB ขนาด 12.7 มม. 1 กระบอก และปืนกลรุ่น M240 ขนาด 7.62 มม. 2 กระบอก ซึ่งถือว่าเป็นอาวุธที่น่ากลัวหากก้าวเข้าสู่สมรภูมิรบ

เรียบเรียงจาก CNN

ภาพจาก AFP

ข่าวที่คุณอาจพลาด