ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เราคงเริ่มคุ้นหูกับคำว่า “สมาร์ทโฮม (Smart Home)” หรือ “บ้านอัจฉริยะ” มากขึ้น โดยเป็นระบบบ้านยุคใหม่ ยกระดับความสะดวกสบาย
เราสามารถควบคุมระบบต่าง ๆ ในบ้านได้ผ่านอุปกรณ์ เช่น ใช้โทรศัพท์มือถือเปิด-ปิดเครื่องปรับอากาศ หรือแม้แต่การใช้เสียงพูดสั่งเปิดเพลงในบ้าน หรือใช้เสียงปรบมือของเราเองในการเปิด-ปิดไฟ รวมถึงเรื่องของระบบรักษาความปลอดภัยที่เราสามารถดูกล้องวงจรปิดจากที่ไหนก็ได้ หรือการแจ้งเตือนเมื่อมีคนหรือวัตถุแปลกปลอมเข้ามาในบริเวณบ้าน เป็นต้น
Metaverse กับอนาคตการศึกษา โรงเรียน-มหาวิทยาลัยจริง ยังจำเป็นหรือไม่?
จำคุก 5 ปี เด็ก 16 วางแผนโจมตี “ตึกหน่วยข่าวกรองรัสเซียในเกม MIinecraft”
“บ้านอัจฉริยะ” หนึ่งความก้าวหน้าในยุคดิจิทัล
เมื่อสมาร์ทโฮมมีความเกี่ยวพันกับคุณภาพชีวิตคนในแต่ละวัน จึงถือได้ว่าเป็นตลาดที่มีความน่าสนใจในการลงทุน และมีช่องทางในการเติบโต ทำให้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยว่า ทำไมยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีหลายเจ้าจึงก้าวเข้ามาในตลาดนี้มากขึ้น
บรรดายักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีในปัจจุบัน เช่น แอปเปิล กูเกิล อเมซอน ซัมซุง ฯลฯ ต่างก็สร้างแพลตฟอร์มบ้านอัจฉริยะขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นการสั่งเปิด-ปิดไฟด้วยไอโฟน การเปลี่ยนอุณหภูมิในบ้านด้วยอเล็กซา (Alexa) ของอเมซอน
สภาพอากาศวันนี้ อุตุฯ เผย ไทยตอนบนอากาศหนาว-เตือนใต้ระวังฝนถล่ม
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนผ่านจากบ้านแบบเดิม ๆ ไปสู่บ้านอัจฉริยะนั้นยังมีข้อจำกัดบางอย่างอยู่ เช่น ปัญหาความเข้ากันได้ของอุปกรณ์ในบ้านกับเทคโนโลยี ความซับซ้อนในการตั้งค่า ทำให้ผู้คนเข้าถึงเทคโนโลยีบ้านอัจฉริยะได้ช้า จึงมีมาตรฐานใหม่ที่เรียกว่า “แมตเทอร์ (Matter)” ที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือของผู้เล่นอุตสาหกรรมบ้านอัจฉริยะทุกราย
แมตเทอร์เปิดตัวในปีนี้ จะทำหน้าที่เป็นภาษากลางที่ใช้กันทั่วไปในผลิตภัณฑ์บ้านอัจฉริยะทั้งใหม่และเก่า คุณสามารถซื้อแกดเจ็ตใด ๆ ที่คุณต้องการและเชื่อมต่อกับแอปฯ ใด อุปกรณ์ใดก็ได้ที่คุณต้องการ
ซึ่งคำว่าอุปกรณ์ใดก็ได้ในที่นี้ หมายความรวมถึงว่า หากก่อนหน้านี้คุณเชื่อมระบบเปิด-ปิดไฟด้วยอเล็กซา แล้ววันหนึ่งอยากเปลี่ยนมาใช้ไอโฟนในการควบคุมแทน ก็สามารถทำได้เลยโดยไม่ต้องซื้อระบบไฟใหม่ ทำให้ประหยัดงบ และง่ายขึ้นในการปรับเปลี่ยนระบบบ้านอัจฉริยะ
มิเชล เทอร์เนอร์ ผู้อำนวยการอาวุโสระบบบ้านอัจฉริยะของกูเกิล กล่าวว่า “เราทุกคนตระหนักดีว่า หากเราไม่แก้ปัญหาพื้นฐานบางอย่างที่มีผลต่อเราทุกคนทั่วทั้งอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมนี้จะไม่เติบโต”
นอกจากยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีแล้ว ยังมีบริษัทอื่น ๆ อีกกว่า 220 แห่งที่สนับสนุนแมตเทอร์ คาดว่า ตั้งแต่ปีนี้จนถึงปี 2030 ผู้ขายระบบบ้านอัจฉริยะจะจัดส่งอุปกรณ์สมาร์ทโฮมที่สอดคล้องกับมาตรฐานแมตเทอร์ได้มากกว่า 5.5 พันล้านเครื่อง
อย่างไรก็ตาม แมตเทอร์เป็นเพียงมาตรฐานกลางที่กำหนดฟังก์ชันพื้นฐานเท่านั้น แต่ละบริษัทยังคงสามารถออกแบบ “ฟังก์ชันพิเศษ” ที่เอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะแบรนด์นั้น ๆ ออกมาได้ เหมือนการพัฒนาแอร์พอดที่ทำงานกับอุปกรณ์แอปเปิลโดยเฉพาะขึ้นมา
ในช่วงแรก มาตรฐานแมตเทอร์จะทำงานในระบบล็อกประตู เซ็นเซอร์สำหรับการเคลื่อนไหว ตัวควบคุมคุณภาพอากาศ ตัวควบคุมอุณหภูมิ ไฟส่องสว่าง มู่ลี่หน้าต่าง ปลั๊กอัจฉริยะ และสมาร์ททีวีก่อน ส่วนผลิตภัณฑ์บ้านอัจฉริยะที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น กล้องรักษาความปลอดภัย หุ่นยนต์ดูดฝุ่น จะยังไม่ครอบคลุมอยู่ในมาตรฐานแมตเทอร์
เปิดแผนการ “วลาดิเมียร์ ปูติน” ส่งกองทัพบุกยูเครน หลังสภาสูงรัสเซียอนุมัติ
เรียบเรียงจาก Wall Street Journal
ภาพจาก Shutterstock
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร Add friend ได้ที่ @PPTVOnline
อ่านบทความและอื่น ๆ ( ทำไมยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีต้องร่วมมือกัน ในตลาด “บ้านอัจฉริยะ (สมาร์ทโฮม)” - PPTVHD36 )https://ift.tt/Ul7nT1F
แกดเจ็ต
Bagikan Berita Ini
0 Response to "ทำไมยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีต้องร่วมมือกัน ในตลาด “บ้านอัจฉริยะ (สมาร์ทโฮม)” - PPTVHD36"
Post a Comment